ดญ.วัย 14 ยืนยันหนุ่มพลเมืองดีตั้งใจช่วยจริงๆ ไม่มีได้จับหน้าอก ไม่มีเจตนาร้าย (ชมคลิปเหตุการณ์)

loading...

หลังที่มีการแชร์ว่อนเน็ต กรณีด.ญ.หน่อย (นามสมมติ) วัย 14 ปี ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มจนบาดเจ็บขาหักที่จ.อ่างทอง ซึ่งหลังจากเกิดได้มีผู้พบเห็นเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปี สวมเสื้อโปโลสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว เป็นผู้เข้าไปช่วยเหลือเป็นคนแรก ๆ และเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งไปยังญาติของด.ญ.หน่อย ให้ทราบถึงอุบัติเหตุให้เกิดขึ้น แต่เรื่องราวกลับใหญ่โต เมื่อมีการนำภาพขณะทำการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเด็กหญิงแล้วมีมือดีนำไปเผยแพร่ในด้านลบ กล่าวหาว่าเป็นกู้ภัยหื่น ทั้งที่ชายคนดังกล่าวเข้าไปช่วยเหลือ พยุงและประคองด.ญ.หน่อย ไว้ลักษณะให้พิงกับตนเอง โดยใช้มือซ้ายกดโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

loading...

ต่อมานายมณเทียร อ่อนสกุล นายกสมาคมวีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง ได้เดินทางไปเข้าลงบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเมื่อวันทิ่เกิดเหตุทางสมาคมได้รับแจ้งเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงได้ประสานไปยังลูกข่ายที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุให้เข้าตรวจสอบ โดยเมื่อลูกข่ายเดินทางไปถึงก็พบว่ามีชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยเหลือและอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว โดยเฉพาะชายคนดังกล่าวที่ใส่เสื้อสีดำ ได้นั่งประคองด.ญ.หน่อย ผู้บาดเจ็บอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้ไปช่วยทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่างทอง


นายมณเทียรกล่าวว่า แต่ต่อมาในโลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่ภาพอุบัติเหตุและมีการคอมเม้นท์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่มือของชายคนดังกล่าวไปอยู่ใกล้กับหน้าอกของผู้บาดเจ็บ และกล่าวหาว่าชายคนดังกล่าวเป็นอาสากู้ภัย บางเพจใช้คำรุนแรงว่าเป็นกู้ภัยหื่น ซึ่งคนที่นำไปวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ และไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หรือข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ซึ่งทำให้สมาคมฯ ซึ่งเป็นสมาคมที่ทำงานกู้ภัย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย และจากการที่ตรวจสอบข้อมูลไม่พบว่าชายคนดังกล่าวเป็นอาสากู้ภัยในจังหวัดแต่อย่างใด เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้ตนในฐานะนายกสมาคมต้องเข้าปกป้องหน่วยงานของตนเอง และก็จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ หารือเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 ต่อมาข่าวสดออนไลน์ได้สัมภาษณ์ชายที่เข้าไปช่วยเหลือด.ญ.หน่อย คือนายสุรชัย เฉลยวรรณ อายุ 35 ปี โดยนายสุรชัยกล่าวว่า มีอาชีพเป็นพ่อค้าขายเมี่ยงปลาอยู่ที่หน้าบ้านตัวเอง โดยวันเกิดเหตุตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปซื้อปลาที่ตลาด ระหว่างการเดินทางได้พบด.ญ.หน่อยประสบอุบัติเหตุรถล้ม ตนจึงจอดรถและเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้หญิงเข้าไปก่อนคนแล้ว 1 คน ซึ่งช่วงนั้นอากาศกำลังร้อนระอุ ตนก็รีบประคองเด็กเข้าข้างทาง


"ตอนนั้นด.ญ.หน่อยกำลังใช้โทรศัพท์อยู่ ผมก็ถามเด็กว่าโทรบอกพ่อแม่หรือยัง ผมจึงขอเบอร์ญาติและโทรศัพท์ติดต่อญาติด.ญ.หน่อยให้ ซึ่งมือหนึ่งก็โทรศัพท์ อีกมือก็ประคองเด็กไว้ จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึง ก็ช่วยกันปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นมาผมก็ไม่ได้รู้ข่าวสารอะไรเลย เพราะไม่ได้เล่นโซเชียล จนกระทั่งเมื่อเช้าที่ผ่านมา มีข่าวออกและเพื่อนบ้านนำข้อความทางโซเชียลมาให้ดู บอกเลยผมรู้สึกเสียใจมาก ทำให้ผมเสียความรู้สึก"

 นายสุรชัยกล่าวว่า ครั้งต่อไปหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่อยากจะเข้าไปช่วยใครแล้ว ตนยืนยันเลยว่าตนไม่ได้ไปจับหน้าอกเด็กเลย ตนสงสารเด็กที่ประสบอุบัติเหตุแล้วยังไม่มีใครเข้าไปช่วย ตนจึงเข้าไปช่วย จะปล่อยให้เด็กนอนอยู่กลางถนนที่กำลังร้อนอย่างนั้นหรือ ตนจำเป็นต้องประคองไว้ ขนาดรองเท้าตนยังถอดให้เด็กรองนั่ง เพราะพื้นถนนร้อนมาก ซึ่งตอนนี้ตนก็กำลังปรึกษาพี่ซึ่งเป็นทนาย จะดำเนินการฟ้องร้องเพจ เว็บไซต์ หรือบุคคลที่กล่าวหาให้ตนเสียหาย

 นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลอ่างทอง เพื่อเข้าเยี่ยมและสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับด.ญ.หน่อย พบว่าเขาข้างขวาหัก 2 ท่อน แพทย์ต้องเข้าเฝือกไว้เพื่อรักษาพยาบาล ด.ญ.หน่อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่เกิดเหตุตนได้ขี่รถจักรยานยนต์จะไปบ้านเพื่อน แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้ขี่รถหลบรถกระบะและเสียหลักล้มเอง ต่อมาชายคนดังกล่าวได้วิ่งมาช่วยตน โดยพยุงตนลุกขึ้นจากถนน และประคองตนโดยให้ตนพิงตัวของชายคนดังกล่าวไว้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร และไม่ได้เป็นกู้ภัย


"พอเขาเข้ามาประคองตนก็ถามหนูว่ามีเบอร์แม่มั้ย และหนูชื่ออะไร จะโทรบอกแม่ให้ แต่หนูจำเบอร์แม่ไม่ได้ ก็เลยบอกเบอร์ตาให้ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็โทรบอกตาว่าหนูประสบอุบัติเหตุ ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะพยุงหนูไว้ มีพี่ ๆ กู้ภัยมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ส่วนในเรื่องที่ว่าชายคนดังกล่าวมาฉวยโอกาสจับหน้าอกหนูนั้น หนูคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร หนูคิดว่าเขาตั้งใจมาช่วย คงไม่มีเจตนาร้าย ๆ แน่นอน"ด.ญ.หน่อยกล่าว

 พ่อของด.ญ.หน่อยกล่าวว่า ในฐานะพ่อนั้น เมื่อรู้ว่ามีการนำรูปลูกของตนไปเผยแพร่ในโซเชียลนั้น บางที่บางเพจบางเว็บไซต์ได้นำไปลงในทางที่ไม่ดี และมีผู้คนมาคอมเม้นท์ไปต่าง ๆ นานา ตนรู้สึกไม่สบายใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หัวอกคนเป็นพ่อนั้นรับไม่ได้ อยากให้คนที่นำไปเผยแพร่ในทางที่ไม่ดีมีความรับผิดชอบด้วย ตนไม่ได้ติดใจกับชายคนดังกล่าวเลย เนื่องจากเขาเข้ามาช่วยลูกตน แต่ตนติดใจเพจที่นำไปกล่าวในทางที่เสียหาย บางที่ไม่เบลอหน้าลูกตนเลย ซึ่งถามว่าคนเหล่านั้นอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหรือไม่ รู้เท็จจริงมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นลูกเขาเองเจอกรณีแบบนี้จะรู้สึกอย่างไร ก็อยากจะวอนให้สังคมโซเชียลมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้
หากว่าดูคลิปไม่ได้ขอให้กดที่อักษร ข้างด้านขวามือ 
loading...

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »